บทเรียนครอบครัวพังเพราะคนใช้โซเชียลอย่างผิด ๆ

*****   รบกวนอย่าโหวตเป็นกระทู้แนะนำนะครับ  
*****  อย่าแชร์ออกไปข้างนอกนะครับ   เราคุยกันในกระทู้ของเราพอครับ

สวัสดีครับ  วันนี้ผมมีเรื่องราวชีวิตของผมมาเล่าให้กับเพื่อน ๆ ชาวพันทิปได้อ่านกันครับ  เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของผม  และในปัจจุบันเรื่องราวนี้ก็ยังไม่จบ  ยังรอวันที่ปัญหาต่าง ๆ จะคลี่คลาย  ทุกวันทุกคืนก็ยังภาวนาให้ผมสามารถผ่านพ้นปัญหานี้ไปให้ได้  ถ้าท่านใดมีคำแนะนำ  ผมก็จะยินดีมาก ๆ ครับ  เริ่มเรื่องเลยละกันครับ

ผมกับภรรยา  รู้จักกันมา15 ปี เนื่องจากเราทำงานที่เดียวกัน  ผมเข้าไปที่หลังเธอครับ  หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี เราก็ตกลงเป็นแฟนกัน  คบกันได้ 6 ปีครับ เราก็แต่งงานกัน  จากวันนั้นถึงวันนี้ เราแต่งงานกันได้ 8 ปี แล้วครับ  เรามีลูกเล็ก ๆ ด้วยกันสองคนครับ  ยังเล็กมาก ๆ ด้วยกันทั้งคู่  ชีวิตคู่ของเราก็เหมือนครอบครัวอื่น ๆ ครับ  มีความสุข  มีทะเลาะกัน  งอนกันบ้าง  แต่เราก็มีความสุขในครอบครัวดีครับ  ยิ่งเมื่อเรามีลูกด้วยกัน  ทุกสิ่งอย่างเราก็ทุ่มเทเพื่อลูกของเราทั้งสองคน

ตัวผมเอง เมื่อก่อน ไม่ค่อยทำงานบ้าน  แต่ผมก็พยายามปรับปรุงตัวเองมาเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้  ผมเป็นคนทำทุกอย่างในบ้านครับ  การเลี้ยงลูกก็เหมือนกัน  ผมก็พยายามเข้าหาลูก  จากที่เมื่อก่อนลูกติดแม่  จนถึงทุกวันนี้ลูกทั้งสองคนก็ติดผมเหมือนกัน  งานใด ๆ ภายในบ้าน ผมไม่ถือว่าเป็นงานผู้หญิง อะไรที่ทำได้  ผมจะช่วยทำหมดทุกอย่าง  ทั้งทำกับข้าว  ซักผ้า  ทำความสะอาดบ้าน  เลี้ยงลูก  สามีคนนี้ถือว่าทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง  เมื่อก่อนเธอจะชมผมต่อหน้าคนอื่น ๆ เสมอ ว่าผมเป็นสามีที่ดี  ทำทุกอย่างในบ้าน

จนมากลางปีที่แล้ว  ผมเริ่มสังเกตความผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเธอคือ เธอติดคุยโทรศัพท์มากขึ้น  กลับมาบ้านก็ไม่ทำอะไร  นั่งกดโทรศัพท์อย่างเดียว  อยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนโทรศัพท์  แล้วโทรศัพท์ใหม่ของเธอ  เธอไม่เคยให้ผมจับเลย  พาสเวิร์ดเข้าเครื่องก็ไม่เคยบอก  แต่ผมก็ไม่คิดอะไร  แต่ก็พยายามสังเกตเธอต่อไปเรื่อย ๆ  ในขณะที่เธอติดโทรศัพท์มากขึ้นเรื่อย ๆ  ความสนิทแนบแน่น  ความรักที่มีให้แก่กันมันก็เหือดแห้งลงเรื่อย ๆ   เธอเย็นชากับผมมากขึ้นเรื่อย ๆ  อยู่บ้านเดียวกัน  นอนห้องเดียวกัน  แต่ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา  แทบไม่เคยมีให้แก่กัน  บางคืนตีสองตีสาม  ทุกคนหลับไปแล้ว  แต่ผมยังเห็นเธอลุกขึ้นมานั่งกดโทรศัพท์อยู่เป็นชั่วโมงชั่วโมง

จนมีอยู่วันหนึ่ง  ปลาย ๆ ปีที่แล้ว  ผมขอเธอดูโทรศัพท์   เธอก็ถามผมว่าจะดูทำไม  ผมก็บอกว่า จะดูว่าคุยโทรศัพท์กับใครบ้าง  เธอก็มือสั่น  ปากสั่น  ในขณะที่ปากพูดดึงเวลาคุยกับผม  แต่มือของเธอก็รีบลบแชทออกจากเครื่อง  พอผมเห็นอย่างนั้น  ผมก็โวยวายว่า ทำไมต้องรีบลบ  มันมีอะไร  เธอก็ลุกขึ้นมากอดผม  ร้องไห้  บอกขอโทษ  ไม่มีอะไร  ไม่มีอะไรจริง ๆ   เธอก็พูดอยู่อย่างนั้นสัก 5 นาที  อยู่ดี ๆ เธอก็เดินขึ้นไปนอน  โดยไม่พูดอะไรต่อ

สิ่งที่ตอนนั้นคิดคือ  ถ้าเธอแค่คุยเล่น ๆ กับคนอื่น  ผมจะไม่ว่าอะไร  ถ้าเธอทำแล้วสบายใจ  เพราะคิดว่า ยังไงซะ เรามีลูกด้วยกันสองคน  แล้วเธอก็รักลูกมาก ๆ  ยังไงเธอก็คงไม่ทิ้งลูกไป  ซึ่งนั่นนับเป็นความเขลาของผม  ที่มันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อไปในอนาคต

วันต่อมาเราเจอหน้ากัน  เราก็คุยกันปกติ  เสมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น  ผมก็ปล่อยผ่านไป  คิดว่าอย่างน้อยเธอน่าจะสำนึกได้ และหยุดพฤติกรรมที่ไม่ดีไปเอง  เราก็ใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ   แต่เธอก็ยังคุยแชทต่อไปเรื่อย ๆ  วัน ๆ กลับบ้านมาไม่ทำอะไร คุยตลอดเวลา  จนผมเริ่มทนไม่ได้  มีปฏิกิริยา  มีโวยวาย  ซึ่งทุกครั้งเธอก็จะบอกว่า เธอคุยเรื่องงาน  ไม่มีอะไร

จนมาถึงช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา  เรากลับไปบ้านของเธอที่ต่างจังหวัด  ซึ่งปกติเราก็จะเฮฮากันมาก ๆ  แต่ปรากฏว่าเธอมีอาการซึมเศร้า  เฉยชา  เหมือนคนอกหัก  จนผมเกิดความรำคาญขึ้นมามาก ๆ ก็มีต่อว่ากันไปบ้าง  แต่ไม่มาก  จนช่วงปีใหม่ผ่านไป  เราก็กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม  เธอก็ยังติดโทรศัพท์เหมือนเดิม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่